บทที่ 2

โซเฟียยิ้มแหยๆ พลางนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เธอรีบร้อนเกินไปจนไม่ทันได้สังเกตรายละเอียด

เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเกิดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้น

เมื่อเห็นแก้มของโซเฟียแดงก่ำ ไมเคิลก็รู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านขึ้นมาภายใต้ร่าง

ร่างกายของพวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก และโดยธรรมชาติแล้วโซเฟียย่อมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของไมเคิล

เธอเบิกตากว้างใส่ไมเคิลราวกับจะกล่าวโทษเขา

ไมเคิลเคยพบเจอผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยมีใครปลุกเร้าความปรารถนาของเขาได้เพียงแค่สบตาเหมือนที่โซเฟียทำ

พอเห็นสีหน้ากล่าวโทษของเธอ ไมเคิลก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมา

มือใหญ่ของเขาทาบลงบนเอวบางของโซเฟีย ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดต้นคอของเธอ

โซเฟียตัวสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงสั่นเครือขณะเอ่ย “คุณคิดจะทำอะไรคะ นี่มันที่ทำงานนะ!” โซเฟียยกมือปิดปากตัวเองโดยสัญชาตญาณ มองไมเคิลด้วยความหวาดหวั่น

‘อย่าทำบ้าๆ นะ!’ โซเฟียกรีดร้องในใจ เธอเพิ่งได้งานที่ถูกใจและไม่อยากให้มีข่าวลือเสียหายแพร่ออกไปตั้งแต่วันแรกที่มาทำงาน

ไมเคิลไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรอยู่แล้ว แต่ปฏิกิริยาของโซเฟียทำให้เขานึกสนุก

“แผนกบุคคลอยู่ชั้นล่าง คุณไปได้แล้ว” ไมเคิลกลั้นยิ้ม ยืนตัวตรงขณะมองโซเฟีย

โซเฟียถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ลาก่อนค่ะ คุณจอห์นสัน”

เธอรีบเดินออกจากห้องทำงาน แต่ชะลอฝีเท้าลงเมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนมองเธออยู่ข้างนอก

“ลิฟต์ทางซ้ายลงไปถึงชั้นหนึ่งเลยค่ะ” พนักงานฝ่ายบุคคลกล่าวพร้อมรอยยิ้ม พลางชี้ไปทางซ้าย

โซเฟียงุนงง หรือว่าหน้าตาเธอดูเหมือนคนสัมภาษณ์ไม่ผ่านงั้นเหรอ

วินาทีต่อมา เธอก็ยิ้มแล้วตอบว่า “คุณจอห์นสันให้ฉันไปรายงานตัวที่แผนกบุคคลค่ะ”

พนักงานฝ่ายบุคคลนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวขอโทษ “ยินดีด้วยนะคะที่ผ่านการสัมภาษณ์ แผนกบุคคลอยู่ชั้นล่าง เดินลงบันไดไปได้เลยค่ะ”

โซเฟียขอบคุณเธอแล้วเดินลงบันไดไป

เมื่อมายืนอยู่หน้าแผนกบุคคล เธอก็ยังรู้สึกเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

กระบวนการเริ่มงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าโซเฟียก็ออกมายืนอยู่หน้าบริษัท จ้องมองใบแจ้งการจ้างงานในมืออย่างเหม่อลอย

แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงผู้ช่วยฝึกหัดและยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำของฮอไรซันคอร์ปอเรชัน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้โซเฟียมีความสุข

อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวของเธอก็พลันสดใสขึ้น

ในที่สุดความกังวลของเธอก็หมดไป

เมื่อสามเดือนก่อน โซเฟียหนีออกจากบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชน

หลังจากจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือน เธอก็แทบไม่เหลือเงินติดตัวและไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดในเมืองนี้ได้หรือไม่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้ให้สัญญากับครอบครัวไว้ว่าหากเธอไปไม่รอด เธอก็จะกลับไปยอมแต่งงานตามที่ถูกจัดแจงไว้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เหตุการณ์เมื่อวานก็ฉายซ้ำขึ้นมาในความคิดของเธอ

ใครจะไปคิดว่าวันไนต์สแตนด์ของเธอจะกลายมาเป็นเจ้านายคนใหม่

อนาคตยังคงไม่แน่นอน แต่เธอตัดสินใจที่จะยอมรับการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้

โซเฟียกำใบแจ้งการจ้างงานในมือแน่น พลางตั้งปณิธานว่าจะต้องทำให้สำเร็จที่นี่ให้ได้

ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้บอกข่าวดีกับโอลิเวีย สมิธ ผู้ที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด โซเฟียจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเห็นข้อความจากโอลิเวียที่ส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอจึงรีบโบกรถแท็กซี่ไปยังสตูดิโอของโอลิเวียทันที

คนขับแท็กซี่เป็นคนช่างคุย เขาพูดไม่หยุดตลอดทาง

โซเฟียไม่ใช่คนช่างพูดช่างคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงได้แต่พยักหน้าและตอบรับเป็นครั้งคราว ทำให้การเดินทางครึ่งชั่วโมงนั้นรู้สึกยาวนานเป็นพิเศษ

“ถึงแล้วครับ” คนขับรถเอ่ยขึ้น ทำเอาโซเฟียโล่งอกไปที เธอจ่ายเงินแล้วรีบก้าวลงจากรถ

โอลิเวียย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสองสามปีก่อนและใช้เงินเก็บของเธอมาเปิดร้านชุดแต่งงาน กิจการไม่ค่อยดีนัก แค่พอให้ประทังตัวไปได้วันๆ ตอนที่โอลิเวียเคยเอ่ยปากชวนให้โซเฟียมาทำงานที่ร้าน เธอก็ปฏิเสธไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ โซเฟียที่หัวใจกำลังพองโตด้วยความดีใจเพราะเพิ่งได้งานมาหมาดๆ กลับแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันข่าวดีนี้

เธอผลักประตูเข้าไปในร้านชุดแต่งงานที่เงียบเชียบ

พนักงานต้อนรับท่าทางขี้อายมีสีหน้าตกใจระคนดีใจเมื่อเห็นโซเฟีย

“คุณโซเฟียคะ รีบเข้าไปข้างในด่วนเลยค่ะ!”

น้ำเสียงร้อนรนของพนักงานต้อนรับทำให้หัวใจของโซเฟียเต้นระรัว

เธอไม่รอช้าที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รีบพรวดพราดเข้าไปด้านในทันที

ยิ่งเข้าไปใกล้ เธอก็ยิ่งได้ยินเสียงคนกำลังโต้เถียงกัน

“นี่มันรูปถ่ายบ้าอะไรกัน ถ่ายให้หน้าฉันดูเบี้ยวแบบนี้!”

“แล้วชุดพวกนี้อีก นี่คือวิธีที่ร้านคุณบริการลูกค้าเหรอคะ”

โอลิเวียพยายามกล่าวขอโทษ แต่ลูกค้าคนนั้นก็ยังโวยวายไม่เลิก

ในที่สุด ความอดทนของโอลิเวียก็สิ้นสุดลง เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าไม่พอใจ ดิฉันจะคืนเงินให้เต็มจำนวน เชิญไปใช้บริการร้านอื่นได้เลยค่ะ”

หญิงสาวในชุดแต่งงานถึงกับอึ้งไป ไม่คาดคิดว่าโอลิเวียจะพูดแบบนั้นออกมา

ด้วยความโมโห เธอเงื้อมือฟาดลงบนใบหน้าของโอลิเวีย เสียงตบดังลั่นไปทั่วห้องเล็กๆ นั้น

เมื่อเห็นภาพนั้น โซเฟียก็เลือดขึ้นหน้า เธอพรวดพราดเข้าไปผลักผู้หญิงคนนั้นออกไป แล้วดึงโอลิเวียมาหลบอยู่ข้างหลัง

โซเฟียตวาดลั่น “เป็นบ้าอะไรของคุณ พูดจาดีๆ ไม่เป็นหรือไง มีสิทธิ์อะไรมาตบคนอื่น”

หญิงสาวคนนั้นเมื่อรู้ตัวว่าผิด น้ำเสียงจึงอ่อนลง

โอลิเวียดึงแขนเสื้อของโซเฟียแล้วก้าวออกมาข้างหน้า “ไปรับเงินคืนที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าได้เลยค่ะ แล้วกรุณาเปลี่ยนชุดออกด้วย”

เธอไม่พูดอะไรอีกแล้วจูงมือโซเฟียเดินออกจากสตูดิโอไป

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน โซเฟียก็เอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วยื่นให้โอลิเวียเพื่อประคบใบหน้า

พอเห็นรอยแดงบนใบหน้าพี่สาว โซเฟียก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่า “พี่บ้าหรือเปล่าเนี่ย ยืนนิ่งๆ ให้เขาตบอยู่ได้ยังไง แล้วจะมาห้ามหนูทำไม ปล่อยให้หนูตบกลับไปซะก็ดี จะได้รู้ว่าเราไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ”

โอลิเวียยิ้มพลางรับผ้าขนหนูจากมือโซเฟีย “แล้วนี่เธอมาที่นี่ได้ยังไง”

ใบหน้าของโซเฟียพลันเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มกว้าง “หนูมีข่าวดีจะบอก! หนูได้งานที่ฮอไรซันคอร์ปอเรชันแล้วนะพี่!”

“จริงเหรอ” โอลิเวียยิ้มกว้างอย่างดีใจ ทั้งสองสบตากันอย่างมีความสุข

โซเฟียพยักหน้ารัวๆ “ว่าแต่... เรื่องเมื่อกี้มันอะไรกันเหรอพี่”

รอยยิ้มของโอลิเวียจางหายไป เธอมีท่าทีไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น

พอเห็นท่าทีนั้น โซเฟียก็เดาได้ว่าเรื่องคงไม่ธรรมดา หลังจากคะยั้นคะยออยู่พักใหญ่ ในที่สุดโอลิเวียก็ยอมเปิดปาก

“ลูกค้าคนนั้นถูกยกเลิกงานแต่ง ก็เลยมาพาลใส่พี่” โอลิเวียพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

สีหน้าของโซเฟียเคร่งขรึมลงทันที “ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้วหรือไง งานแต่งตัวเองล่มแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย น่าจะปล่อยให้หนูตบกลับไปซะก็ดี แล้วนี่ยังจะคืนเงินให้เต็มจำนวนอีก! ยิ่งคิดยิ่งโมโหเลยเนี่ย! เขาคงยังไปได้ไม่ไกล เดี๋ยวหนูจะออกไปตามหาแล้วตบคืนให้!”

โอลิเวียรีบคว้าแขนโซเฟียไว้แล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเธอ “เธอนี่มันใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”

โซเฟียตอบกลับ “ก็เราทำธุรกิจบริการนี่นา ถ้าเมื่อกี้หนูตบผู้หญิงคนนั้นกลับไป พี่ก็คงเปิดร้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป